ทีมชาติโปรตุเกส เป็นตัวแทนจากทวีปยุโรปที่ทำผลงานได้ค่อนข้างดี ในรอบแบ่งกลุ่มต้องเจอกับทีมตัวแทนจากทั้ง 3 ทวีปที่ต่างกัน ลงเล่นไปแล้ว 3 เกม ชนะ 2 แพ้ 1 เก็บได้ 6 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มผ่านเข้ารอบมาได้สำเร็จ โดยในเกมสุดท้ายที่แพ้ทีมชาติเกาหลีใต้ 2-1 ส่วนหนึ่งเพราะเข้ารอบไปแล้ว จึงพักนักเตะหลักไว้หลายคน ให้โอกาสตัวสำรองได้ลงสนาม ซึ่งเป็นผลดีมากทั้งในเรื่องของสภาพร่างกาย และยังได้ลองผู้เล่นใหม่ๆอีกด้วย ทีมชาติโปรตุเกส เป็นอีกทีมที่มีเกมรุกอันตราย มีนักเตะฝีเท้าดีหลายคน บรูโน แฟร์นันเดส, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เชา เฟลิกซ์ ล้วนแต่เป็นผู้เล่นในระดับท็อปของโลก ส่วนทาง คริสเตียโน โรนัลโด้ แม้ว่าเรื่องของอายุจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่นี่อาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ จึงมีอย่างเต็มที่เกิน 100% แน่นอน

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ อีกหนึ่งตัวแทนจากทวีปยุโรป อยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว ลงเล่นไปแล้ว 3 เกม ชนะ 2 แพ้ 1 เก็บได้ทั้งหมด 6 คะแนน เข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม G เป็นรองเพียงประตูได้เสียเท่านั้นเอง และหนึ่งเกมที่แพ้ไป ก็เป็นการแพ้ให้กับเต็งหนึ่งอย่างทีมชาติบราซิล โดยที่นักเตะสวิตเซอร์แลนด์สู้ได้อย่างสนุก ก่อนที่จะมาเสียประตูในช่วงท้ายเกมอย่างน่าเสียดาย ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้ มีนักเตะดังเป็นแกนหลักหลายคน ยานน์ ซอมเมอร์ (มึนเชนกลัดบัค), มานูเอล อคานจี (แมนซิตี้), กรานิต ชาก้า (อาร์เซน่อล), บรีล เอ็มโบโล่ (โมนาโก), เซอร์ดาน ชากิรี่ (ชิคาโก้ ไฟร์) จะเห็นได้ว่ามีนักเตะฝีเท้าดีอยู่ทุกพื้นที่ของสนาม เมื่อรวมกับนักเตะคนอื่น ทำให้กลายเป็นทีมที่มีสปิริตดีเยี่ยม โชว์ฟอร์มจนเป็นอีกหนึ่งทีมม้ามืดในปีนี้เลย

เกมคู่สุดท้ายในรอบ 16 ทีม เป็นชาติจากทวีปยุโรปที่ต้องมาแย่งเข้ารอบด้วยกันเอง ทีมชาติโปรตุเกส ได้เปรียบในเรื่องสภาพร่างกาย เนื่องจากเกมนัดสุดท้ายพักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้หลายคน จึงน่าจะฟื้นฟูความฟิตได้ดีกว่า ส่วนทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ใช้ผู้เล่นแกนหลักลงต่อเนื่องมาตลอด เปรียบเทียบขุมกำลังกันแล้ว โปรตุเกสมีดีกว่าโดยเฉพาะในเกมรุก มีทีเด็ดหลายคนที่พร้อมทำประตู แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็ทำให้เห็นว่าพวกเขามีเกมป้องกันที่ดี จนเกือบยันเสมอบราซิลมาได้ ฉะนั้นคู่นี้ทีมชาติโปรตุเกสจะเป็นฝ่ายครองเกม และมีจังหวะทำประตูมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วโอกาสจะจบลงด้วยผลเสมอใน 90 นาที ก็มีไม่น้อยเลย