เจ้าถิ่น “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ยังคงโชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างแย่ แต่ผลงานนัดล่าสุดพาทีมบุกไปเสมอกับ เชลซี 1-1 ส่วนสภาพความพร้อมของทีมนัดนี้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ริชาร์ลิซอน, เยอร์รี่ มิน่า และ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยนัดนี้คาดว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะจัดทัพลงเล่นในระบบ 4-3-3 พร้อมวาง แอนโทนี กอร์ดอน, เดมาไร เกรย์ และ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน เป็นทีเด็ดคอยล่าสกอร์ โดยจะมีมิดฟิลด์ชุดใหญ่อย่าง อังเดร โกเมส, อับดูลาย ดูกูเร่ และ อัลลัน คอยคุมแดนกลาง

ส่วนทีมเยือน “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ นั้นถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีเลยทีเดียว หลังพาทีมบุกไปเสมอกับ เชลซี 1-1 ซึ่งรูปเกมโดยรวมของทีมถือว่าทำได้ดีกว่า เชลซี มาก ส่วนสภาพความพร้อมของทีมนัดนี้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เจเรมี ซาร์เมียนโต้ กับ ลูอิส ดังค์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ทางด้านของ เลอันโดร ทรอสซาร์ด นั้นก็ยังต้องเช็กความฟิต โดยนัดนี้คาดว่ากุนซือใหญ่อย่าง เกรแฮม พ็อตเตอร์ จะจัดทัพลงเล่นในระบบ 4-3-3 พร้อมวาง แดนนี่ เวลเบ็ค, นีล โมเปย์ และ พาสคาล โกรสส์ เป็นทีเด็ดคอยล่าสกอร์

นัดนี้เจ้าถิ่น เอฟเวอร์ตัน เอาอยู่ ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นของทีมช่วงหลังมานี้จะยังทำได้ไม่ดีเอาซะเลย เนื่องจากมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่ แต่ทว่านัดนี้พวกเขาจะได้ผู้เล่นตัวหลักกลับมาช่วยทีมหลายราย และการที่ได้ศูนย์หน้าตัวความหวังอย่าง โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน กลับมาช่วยทีมนั้นน่าจะทำให้เกมรุกของ เอฟเวอร์ตัน ดุดันขึ้นมาก แถมนัดนี้ยังได้เปรียบที่เล่นในบ้านอีกด้วย ประกอบกับทางด้านของทีมเยือน ไบรท์ตัน นั้นเป็นทีมที่เล่นนอกบ้านได้ไม่ดีเท่าไหร่ แถมสถิติที่พบกันช่วงหลังมานี้ก็เป็นทางด้านของ เอฟเวอร์ตัน ที่ทำได้ดีกว่ามาก หลังจากที่เอาชนะ ไบรท์ตัน มาได้ถึง 3 จาก 4 นัดหลังสุด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาพรวมของทั้งสองทีมแล้ว มองว่า เอฟเวอร์ตัน เหนือกว่า น่าจะเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ไบรท์ตัน ได้ในนัดนี้