ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีปัญหานักเตะไม่พร้อมใช้งานหลายรายทั้ง อาร์ตู เมโล หลุยส์ ดิอาซ ดิโอโก โจต้า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ยังบาดเจ็บและไม่พร้อมลงสนามในเกมนี้แน่นอนแล้ว ส่วนในรายของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่เจ็บต้นขารวมถึง คอสตาส ซิมิคาส ที่บาดเจ็บหลังอาจจะต้องรอเช็คความฟิตก่อนเกมจะเริ่มอีกครั้ง

ด้านทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เองก็ประสบมีปัญหานักเตะไม่พร้อมใช้งานหลายรายทั้ง เอ็นโกโล ก็องเต้ เวสลีย์ โฟฟานา อาร์มานโด้ โบรยา รีซ เจมส์ เบน ชิลเวลล์ คริสเตียน พูลิซิช ลูเบน ลอฟตัส ชีค ราฮีม สเตอร์ลิง เอดูอาร์ด เมนดี้ และ เดนนิส ซากาเรีย ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเกมนี้ได้ทั้งหมด ส่วนในรายของ ชูเอา ฟิลิกซ์ ก็ยังติดโทษแบนจากการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามโดยตรงในเกมที่พบกับ ฟูแลม เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เป็นพบกันระหว่างสองยักษ์หลับที่ก่อนนานนี้เคยยิ่งใหญ่แต่ไม่ใช่สำหรับฤดูกาลนี้ที่จูงมือกันฟอร์มตกจนกลายเป็น “บิ๊กแมทช์กลางตาราง” เรียบร้อยแล้ว แถมทั้งคู่เองก็กำลังประสบปัญหาเดียวกันนั่นคือนักเตะตัวหลักบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนามหลายคน ทำให้ผู้จัดการทั้งทั้ง คล็อปป์ และ พ็อตเตอร์ ต้องบริหารนักเตะที่มีอยู่จำกัดให้ดีและพยายามอย่าให้มีใครต้องเจ็บป่วยเพิ่มไปมากกว่านี้อีก คาดว่าเกมนี้ต่างฝ่ายต่างจะพยายามเซ็ตเกมบุกเข้าใส่กัน ลิเวอร์พูล อาจจะครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยด้วยสไตล์รวมถึงการได้เล่นในบ้านของตัวเอง แต่ด้วยผลงานในปัจจุบันที่ต่างฝ่ายต่างออกทะเลไปไกลถึงแม้เกมรับจะพร้อมเสียประตูกันทั้งคู่แต่เกมรุกของทั้งสองทีมก็อาการหนักไม่ต่างกันซึ่งหากไม่มีความผิดพลาดที่น่าเกลียดจริง ๆ อาจจะไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จึงมองว่าเกมนี้มีโอกาสจะจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ในที่สุด